การเลือกปลาที่จะเลี้ยง
เมื่อได้เตรียมการขั้นตอนต่างๆ ไว้พร้อมแล้ว
ก็ถึงตอนจัดหาปลาที่จะเลี้ยงมาลงตู้ปลา เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนค่อยๆ
เลือกไปและต้องใจเย็นเพราะผลที่จะเกิดเป็นความเพลิดเพลินเจริญตาเจริญใจยิ่ง
นัก สำหรับนักเลี้ยงปลาตู้
เพราะถ้าขาดความรอบคอบไม่ระมัดระวังก็อาจจะได้ปลาที่อ่อนแอขี้โรค
หรือบางที่ปลาอาจจะต้องเดินทางไกลกว่าจะถึงมือผู้เลี้ยง
อาจทำให้เกิดความเครียดอ่อนเพลียและอาจกลายเป็นปลาขี้โรคได้เหมือนกันฉะนั้น
การจัดหาปลามาเลี้ยงมีสิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ
1. ขนาดของปลา
เมื่อปลาโตเต็มที่
ปลาส่วนใหญ่ที่อยู่ในตู้ของผู้ขายเป็นปลาวัยรุ่นเมื่อนำมาเลี้ยงในตู้ปลาของ
เราเวลาปลาโตเต็มที่อาจมีขนาดยาวถึง 5 นิ้วฟุต
หรือบางชนิดเมื่อโตเต็มที่อาจมีขนาดยาวเพียง 1-5 นิ้วฟุต
ถ้านำปลามาเลี้ยงรวมกัน ปลาใหญ่ก็จะรักแกปลาเล็ก
เพราะฉะนั้นเวลาซื้อปลาควรถามเจ้าของให้รู้แน่เสียก่อนว่าปลามีขนาดเท่าใด
ขณะโตเต็มที่และไม่ควรเลี้ยงปลาที่ขนาดต่างกันมาไว้ในตู้เดียวกัน
ปลาที่อยู่ในตู้เดียวกันจะต้องเป็นปลาที่มีขนาดใกล้เคียงกันเมื่อโตเต็มที่
2. ประเภทของปลา
ควรระวังในการซื้อปลา เพราะหากผู้เลี้ยงไม่มีความรู้เกี่ยวกับประเภทของปลา
อาจซื้อปลาที่ออกหากินเวลากลางคืน
ในเวลากลางวันมันจะหมกซ่อนตัวอยู่ตามต้นพืชและลังก้อนหินตลอดเวลา
แทนที่จะได้ชมเล่นในเวลากลางวันกลับไม่ได้เห็นปลาเลย
ประเภทของปลาตู้
ปลาที่เลี้ยงกันตามตู้เลี้ยงปลาทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี
1. ปลาที่ชอบรวมกลุ่มกันอยู่
ได้แก่ ปลาหางนกยูง ปลาเทวดา ปลาหางดาบ ปลาม้าลาย เป็นต้น
เมื่อซื้อปลาประเภทนี้ จึงไม่ควรซื้อ 1-2 ตัว แต่ควรซื้อมาเลี้ยงอย่างน้อย
5-6 ตัว
2. ปลาที่ชอบอยู่ตามโขดหิน
ได้แก่ ปลาจำพวกซิลลิค ส่วนมากจะเป็นปลาพื้นเมืองแอฟริกา
ชอบอยู่ตามโขดหินในน้ำที่มีน้ำกระด้าง
จึงไม่เหมาะที่จะนำมาเลี้ยงในตู้ปลาเท่าใดนัก
3. ปลาที่ต้องแยกพวกเลี้ยง
ปลาพวกนี้ต้องการตู้เลี้ยงพิเศษ เพราะส่วนมากไม่ชอบรวมกลุ่ม ได้แก่
ปลาปอมปาดัวร์ลายน้ำเงิน ปลาออสการ์ ปลาหางพิณ และปลาลายตลก เป็นต้น
บางชนิดก็เป็นปลาที่ชอบเก็บตัวในเวลากลางวัน
ถ้าจะเลี้ยงปลาประเภทนี้ต้องแยกพวกเลี้ยงในตู้ปลาต่างหาก
อย่าเลี้ยงรวมกับปลาที่ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
วิธีสังเกตปลาที่สมบูรณ์ดี
ปลาน้ำจืดส่วนใหญ่ถ้าสมบูรณ์ดีไม่มีโรค จะมีครีบหลังตั้งเสมอขณะว่ายน้ำ
ถ้าปลาตัวใดว่างน้ำโดยมีครีบหลังตกแสดงว่าปลากำลังเป็นโรค
และปลาที่สมบูรณ์ดีควรจะมีตัวอิ่มเต็ม ครีบหลังไม่แตก สีควรเข้ม
ถ้าเป็นปลาที่มีลายสีหรือแต้มลายสี แต้มควรจะเด่น
ไม่มีลายและแต้มที่พร่ามัว เวลาว่ายน้ำควรจะคล่องแคล่วปราดเปรียว นอกจากนี้
ควรจะสามารถลอยน้ำในน้ำลึกได้ทุกระดับโดยปราศจากอาการทะลึ่งขึ้นสู่พื้นน้ำ
หรือจมดิ่งลงสู่กันอ่างในลักษณะที่ไม่ขยับตัว
ปลาที่มีลักษณะบกพร่อง รวมทั้งปลาที่มีครีบหางขาด และมีจุดที่แสดงว่าเป็นแผล ไม่ใช้ปลาที่สมบูรณ์ดี
การเคลื่อนย้ายตัวปลาและปล่อยปลาลงตู้
ตามปกติการเคลื่อนย้ายปลาจากที่ซื้อไปถึงบ้าน
จะนิยมใส่ถุงพลาสติกและจะต้องทำโป่งบรรจุอากาศเหนือพื้นน้ำพอสมควร
ถ้าซื้อปลาในฤดูหนาวกว่าที่ปลาจะถึงบ้านน้ำในถุงอาจจะเย็นลง
ดังนั้นจึงควรนำกระดาษหนังสือพิมพ์หุ้มถุงไว้อีก
เพื่อป้องกันมิให้อากาศเย็นภายนอกกระทบถุงพลาสติกและทำให้น้ำเย็นลงโดยเร็ว
ได้ หรือถ้าจะให้ดีควรเอาถุงไว้ในกล่องกระดาษแข็งที่อากาศเข้าไม่ได้
ก็จะช่วยให้ปลาที่เราเคลื่อนย้ายไม่กระทบกระเทือนความเย็นได้
เมื่อนำปลาที่ต้องการไปถึงบ้านแล้ว อย่ารีบปล่อยปลาลงตู้ทันที
เพราะน้ำในถุงกับน้ำในตู้เลี้ยงปลาอาจมีอุณหภูมิต่างกัน ดังนั้น
การปล่อยปลาลงตู้จะต้องแน่ใจว่าน้ำในถุงกับน้ำในตู้มีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน
โดยการเอาถุงปลาลอยแช่น้ำไว้ในตู้ปลาสักครู่
เมื่ออุณหภูมิของน้ำได้ระดับเดียวกันแล้วจึงปล่อยปลาออกจากถุงพลาสติกได้
ขณะปล่อยปลาลงตู้ปลา ให้ค่อย ๆ ทำด้วยอาการสงบที่สุด
เพื่อมิให้ปลาตื่นและถ้าตู้ปลามีหลอดไฟฟ้าก็ควรจะปิดไฟเสียก่อน
เหลือไว้เฉพาะแสงสว่างของธรรมชาติเท่านั้น
เพื่อปลาจะได้คุ้นกับสภาวะแวดล้อมใหม่ได้ง่ายถ้าตู้ปลาสว่างมากเกินไปปลาอาจ
จะตกใจ และเมื่อปลาคุ้นกับสภาพแวดล้อมดีแล้วจึงค่อยเปิดไฟ
การนำปลามาปล่อยในตู้ปลาขณะที่มีปลาอื่นอยู่แล้ว
เราควรให้อาหารเพื่อล่อปลาที่อยู่ก่อนไม่ให้ไปสนใจกับปลาใหม่มากนัก
ไม่เช่นนั้นปลาใหม่อาจจะตื่นและว่ายหนีไปหาที่ซุกซ่อนตัว
ซึ่งเราจะต้องจัดที่กำบังหลบซ่อนไว้ให้ด้วย
จนเมื่อปลาใหม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมในตู้ปลาดีพอก็จะเริ่มออกมาหาอาหารเองได้
รูปลักษณะอวัยวะปลา
ในการเลือกหาปลาเพื่อเลี้ยงนั้นควรจะมีความรู้ในรูปลักษณะของปลาพอสมควรซึ่ง
จะเป็นการช่วยให้การเลือกปลาได้ดียิ่งขึ้นปลาแต่ละชนิดไม่ได้มีรูปลักษณะ
เพรียวยาวเหมือนกันทุกตัว บางชนิดก็มีลำตัวป้อม สั้น บางชนิดตัวแบน
บางชนิดตัวกลม ทั้งนี้
สุดแต่นิสัยความเป็นอยู่และการเลี้ยงชีพของปลาแต่ละชนิด
ปลาที่มีลำตัวเพรียวยาว แสดงว่าปลาชนิดนั้นว่ายน้ำเร็ว
ปลาพวกนี้จะมีครีบใหญ่ มีปากและฟันซี่โต เป็นปลาที่ชอบหากินในที่โล่ง
ส่วนปลาเทวดามีลำตัวแบนรู้สี่เหลี่ยมว่ายน้ำได้อย่างเชื่องช้า
ชอบอาศัยอยู่ตามกอหญ้าใต้น้ำ
ลักษณะของปลามักจะบอกถึงระดับของน้ำที่ปลาอยู่โดยทั่ว ๆ ไป เช่น
ปลาที่มีปากแบน
แสดงว่าปลาชนิดนั้นอาศัยอยู่ใต้พื้นน้ำเพียงเล็กน้อยเพราะต้องลอยตัวคอยกิน
แมลงตามผิวน้ำ ปลาจำพวกนี้ตามปกติมีครีบหลังตรงพื้นครีบไม่โก่งงอ
ปลาที่มีปากยื่นตรง
ตามทางนอนในแนวเดียวกันกับกึ่งกลางตัวจะเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในระดับน้ำกลาง
ๆ เพราะปลาพวกนี้จะงับกินแต่อาหาร ที่ตกถึงพื้นเป็นส่วนใหญ่
แม้ว่ามันอาจจะขึ้นกินอาหาร หรือดำลงกินที่ก้นน้ำได้ก็ดี
ปลาที่มีปากห้อย
เป็นปลาที่ชอบอยู่กับก้นน้ำ เพาะกินอาหารตามพื้นผิวดินใต้น้ำเป็นหลัก
ปลาจำพวกนี้ชอบกินตะไคร่น้ำตามพื้นดิน และที่อยู่ในตู้ปลา
มันอาจไม่ลงถึงก้นตู้
แต่ชอบแอบตามข้างตู้เพื่อกินตะไคร่น้ำที่ติดตามข้างตู้กินเป็นอาหาร
ปลาประเภทนี้มักมีหนวดด้วย เพราะหนวดจะไประโยชน์ในการเสาะหาอาหาร
เกล็ดปลา
เกล็ดปลามีทั้งชนิดแข็งและอ่อนซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่ป้องกันอันตรายแก่ตัว
ปลาแล้ว ยังทำหน้าทั่วเป็นเครื่องรับแรงดันของอากาศด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าปลามีรอยถลอก
หรือเป็นแผลก็แสดงว่าแรงดันของอากาศภายในผิดปกติปลาจึงเป็นโรค
ครีบ
ปลาใช้ครีบเพื่อการทรงตัว
และเคลื่อนไหวในบางกรณีก็จะใช้เป็นเครื่องช่วยในการออกไข่ด้วย
ซึ่งอาจเป็นตอนผสมพันธุ์ หรือตอนฟักไข่เป็นตัว
สีสันของปลา
สีสันของปลานอกจากสร้างความสวยงามแล้ว
ยังบอกลักษณะเฉพาะของชนิดโดยทั่วไป บอกเพศโดยเฉพาะ
และเป็นสีที่อาจลวงตาศัตรูให้พร่าพราว ช่วยให้มันหนีได้โดยสะดวก
หรืออาจทำให้ศัตรูเกิดสำคัญผิดในเป้าหมายที่จะโจมตีก็ได้
หรือสำคัญว่าเป็นสิ่งมีพิษก็ได้ นอกจากนี้ สีอาจบอกอารมณ์ของปลาในเวลาตกใจ
หรือเวลาโกรธอีกด้วย
สีบอกเพศ
ความเข้มของสีปลามักจะมีมากขึ้นในปลาตัวผู้ในระยะผสมพันธุ์
ทั้งนี้เพื่อให้สะดุดตาตัวเมียและล่อตัวเมียให้เข้าหา
หรือเป็นสัญญาณให้ตัวเมียยอมคลอเคลียด้วย
เราอาจรู้เพศของปลาที่ออกลูกเป็นตัวได้ โดยดูที่ครีบทวาร ซึ่งครีบตัวผู้จะมีรูปย้วยกว่าครีบตัวเมีย ส่วนปลาที่ออกลูกเป็นไข่ ตัวผู้จะมีตัวเรียวกว่า
อาหารปลา
เรารู้กันมาว่า ลูกน้ำ ไรน้ำ
และแมลงบางชนิดเป็นอาหารของปลาทั่วไปแต่ปลาต่างชนิด ต่างก็ชอบอาหารผิดกันไป
บางชนิดชอบกินลูกน้ำ บางชนิดชอบกินพืชพวกตะไคร่น้ำ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปลาชนิดไหนชอบกิจอาหารจำพวกไหน
ปัจจุบันนี้ปัญหาการให้อาหารปลาไม่มีแล้ว
เพราะได้มีการทำอาหารปลาขายกันในท้องตลาดอย่างกว้างขวางในรูปลักษณะต่าง ๆ
กันไม่ว่าจะเป็นอาหารสำหรับปลาที่ชอบกินสัตว์หรือกินพืช
ซึ่งอาหารสำเร็จรูปที่ทำกันขึ้นมาจำหน่ายนั้น
จะเป็นรูปลักษณะที่เป็นเกล็ดบ้าง เป็นเม็ดบ้าง เป็นน้ำบ้าง เป็นผงบ้า
ตลอดจนเป็นก้อนก็มี อาหารเหล่านี้ทำขึ้น
เพื่อให้เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงปลาทุกขนาดตั้งแต่ตัวอ่อน
ซึ่งจำเป็นต้องกิจอาหารขนาดใหญ่ ๆ ได้อย่างสบาย
แม้ว่าอาหารที่ผลิตออกจำหน่าย จะเป็นชนิดดีมีคุณค่า ควรแก่การเลี้ยงปลาก็ดี
แต่การเลี้ยงปลาชนิดเดียว จำเจ ก็อาจทำให้ปลาเบื่ออาหารชนิดนั้น
อันตรายที่สำคัญก็คือการให้อาหารเกินขนาด
ทั้งนี้มิได้หมายความว่าจะทำให้ปลาอ้วนเหมือนคนที่กินจุ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า
การให้อาหารจำเจก็ดี การให้อาหารเกินขนาดก็ดี
จะทำให้อาหารเหลือตกค้างแล้วทำให้น้ำเน่าเสีย
หลักสำคัญก็คือ
การให้อาหารแต่พอกินโดยให้ทีละน้อย
เพื่อให้ปลากินอาหารให้หมดทันทีอย่าให้เหลือ และควรให้อาหารปลาในตอนเช้า -
กลางวัน - เย็น และกลางคืนตามลักษณะนิสัยของปลาแต่ละชนิด
อาหารปลาตู้
การ
ให้อาหารปลาที่เลี้ยงในตู้กระจกเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับผู้เลี้ยงปลาตู้ที่
จะต้องให้ความสำคัญและสนใจ ซึ่งเราจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. กลุ่มอาหารเป็น ได้แก่ สัตว์เล็กๆ ที่มีชีวิต และใช้เป็นอาหารได้ เช่น
ไรแดง
เป็นสัตว์น้ำขนาดเล็กมีสีแดงพบมากในน้ำครำหรือคูน้ำโดยใช้สวิงตาถี่
ช้อนตามผิวน้ำในตอนเช้า
และมีจำหน่ายตามร้านขายปลาตู้เป็นอาหารที่เหมาะกับปลาสวยงามขนาดเล็ก
ลูกน้ำ เป็นตัวอ่อนของยุง พบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำขังต่างๆ จับได้โดยใช้สวิงตาถี่ช้อนตักตามผิวน้ำ ซึ่งลูกน้ำลอยตัวอยู่
หนอนแดง เป็นตัวอ่อนของริ้นน้ำจืด มีสีแดง
พบได้ทั่วไปตามพื้นที่ที่มีน้ำขังเป็นเวลานาน
การจับต้องตักดินใส่ตะแกรงตาถี่และร่อนในน้ำสะอาดจนเศษดิน ผง
หรือขยะหลุดออก ก็จะเห็นหนอนแดงค้างอยู่
ร้านขายปลาตู้มักจะนำมาขายโดยใส่ไว้ภาชนะที่มีน้ำใส
กุ้งฝอย
เป็นกุ้งน้ำจืดที่มีขนาดเล็ก พบอยู่ตามบ่อ สระน้ำ หรือตามท้องนา
มีจำหน่ายตามท้องตลาดสด
เป็นอาหารที่เหมาะกับปลาตู้ขนาดใหญ่ที่เป็นปลาประเภทกินเนื้อสัตว์
ไส้เดือนดิน เป็นอาหารที่เหมาะกับปลาตู้ชนิดหนึ่ง
ถ้าเป็นไส้เดือนขนาดใหญ่
ก่อนให้ปลาควรสับให้เป็นชิ้นที่มีขนาดพอเหมาะก่อนจึงใช้เป็นอาหารปลา
ตัวอ่อนหรือดักแด้ ของแมลงอีกหลายชนิด ก็สามารถนำมาใช้เป็นอาหารปลาตู้ได้
2. กลุ่มอาหารแห้ง
เป็นอาหารสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นมาด้วยกรรมวิธีต่างๆ โดยใช้วัสดุต่างๆ
จากผลิตผลทางการเกษตรหลายๆ
ชนิดและทำให้เป็นอาหารที่มีคุณค่าตรงกับความต้องการของปลาที่มีรูปแบบต่างๆ
กัน เช่น
ชนิดเม็ดจม เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะค่อนข้างกลม
มีเส้นผ่าศูนย์กลางของเม็ดแตกต่างกันไปตามชนิดและขนาดปลา
แต่ว่าจะจมน้ำเหมาะสำหรับปลาตู้ที่หากินตามพื้นผิวดิน
อาหารชนิดเม็ดจนได้มีการพัฒนา จนมีคุณสมบัติพิเศษ
สามารถยึดติดหรือแตะไว้ข้างฝาตู้เป็นเวลานานและปลาจะมารุมกินหรือตอดกิน
อาหารประเภทนี้เป็นฝูงๆ
ชนิดเม็ดลอย
เป็นผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับเม็ดจมน้ำ แต่มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถลอยน้ำได้
และคงสภาพรูปเดิมอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน ส่วนใหญ่เป็นอาหารสำหรับปลารุ่น
หรือปลาใหญ่
ชนิดผง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นผงเล็กๆ
มีขนาดไล่เลี่ยกับขนาดของนมผง ละลายน้ำได้ดี
ส่วนใหญ่ทำจากสาหร่ายเกลียวทองหรือจากไข่เวลาใช้ก็โดยการนำเอาอาหารผงมา
ละลายน้ำและใส่ลงตู้ให้ลูกปลากิน
เป็นอาหารที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับลูกปลาวัยอ่อนโดยเฉพาะ ชนิดแผ่น
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไข่ หรือตัวของสัตว์ในตระกูลกุ้ง
มีลักษณะเป็นแผ่นเล็กๆ
ใช้มือบี้หรือขยี้อาหารชนิดนี้ให้เป็นชิ้นเล็กก่อนนำไปให้เป็นอาหารปลาตู้
3. กลุ่มผักสด
หมายถึง พรรณไม้น้ำหรือผักบางชนิดที่จะใช้เป็นอาหารให้ปลาตู้ได้
ซึ่งโดยปกติแล้ว
ปลาตู้ซึ่งเป็นปลากินเนื้อและพืชชอบกินพวกผักและปลาบางชนิดก็ต้องการอาหาร
ที่มีผักสดผสมอยู่เป็นประจำ พวกพืชสดที่นิยมใช้ ได้แก่ ถั่วงอก ถั่วหัวโต
ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ผักกาดขาด ผักบุ้ง แหนเป็ด
การให้อาหารปลาตู้
ปลาตู้ก็เหมือนสัตว์อื่นๆ
ที่ต้องการอาหารเพื่อการเจริญเติบโตและการเจริญพันธุ์
การให้อาหารที่ดีและถูกวิธีจะบรรลุถึงความต้องการของผู้เลี้ยงซึ่งก็คือปลา
มีสุขภาพดี แข็งแรง สีสดใส ทำให้ผู้เลี้ยงมีความสุข
ก่อนอื่นเราจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าปลาที่เลี้ยงเป็นปลาชนิดอะไร
ประเภทไหนเพราะเราสามารถแบ่งปลาออกเป็น 3 ประเภท คือ ปลากินเนื้อ
ปลากินเนื้อและพืช และปลากินพืช ซึ่งทั้ง 3
ประเภทนี้จะมีความต้องการอาหารแตกต่างกันไป ดังนี้
1. ปลากินเนื้อ
เป็นปลาที่ชอบกินอาหารเป็น ถ้าเราเลี้ยงโดยอาหารอื่นๆ มักจะหงอยซึม
มีสุขภาพไม่ดี และอาจตายในที่สุด
อาหารที่ให้แต่ละครั้งจึงควรให้อาหารเป็นและมีจำนวนมากพอที่จะกินอิ่มใน
ครั้งเดียว ให้อาหารเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน และงดอาหาร 1 วัน
เมื่อเลี้ยงไปได้ 3-4 วัน
2. ปลากินเนื้อและพืช
เป็นปลาที่ยอมรับอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแห้งได้ดี ให้อาหารวันละ 1-2
ครั้ง แต่ควรเสริมด้วยอาหารผักสดบ้างเป็นครั้งคราว ประมาณเดือนละ 2 ครั้ง
จะทำให้ปลามีสุขภาพดี
3. ปลากินพืช
เป็นปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปได้ดี
และอาหารนั้นควรมีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากพืช การให้อาหารควรให้วันละ 1-2
ครั้ง โดยฝึกให้ปลากินอาหารซ้ำที่เดิมทุกครั้ง
ซึ่งจะทำให้ปลาเคยชินโดยเฉพาะปลาที่กินอาหารช้าจะสามารถเรียนรู้ตำแหน่ง
อาหารที่กินได้ การให้อาหารแห้งหรืออาหารผักสดนั้น
ผู้เลี้ยงจะต้องพึงระลึกได้เสมอว่าอาหารที่ให้เหล่านี้หากปลากินไม่หมดจะ
เหลือตกค้างอยู่ในตู้ และเน่าเสีย เป็นเหตุให้คุณสมบัติของน้ำในตู้ไม่ดี
ส่งผลต่อสุขภาพของปลาเป็นอย่างยิ่ง จึงควรระมัดระวังอย่าให้อาหารมากเกินไป
โรคปลาตู้และวิธีการป้องกันรักษา
โรคปลาตู้เกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุหลายประกาน เช่น เกิดจากเชื้อโรค
พวกปรสิต บัคเตรีและเชื้อรา สภาพแวดล้อมในตู้ปลาที่ไม่เหมาะสม เช่น
มีออกซิเจนในน้ำน้อยไป อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หรือให้อาหารมากจนหรือทำให้น้ำเน่าเสียหรือไม่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนถ่ายน้ำ
เมื่อปลาขับถ่ายของเสียออกมามาก ทำให้น้ำมีแอมโมเนียสูง สาเหตุต่างๆ
เหล่านี้หากไม่รุนแรงนักจะไม่ทำให้ปลาตายโดยตรงแต่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปลา
เครียดทำให้ปลาอ่อนแอไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
และยังมีภูมิต่างทานโรคลดน้อยลงทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย
เท่าที่พบในปัจจุบัน คือ
1. โรคจุดขาว
เป็นโรคที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับปลาตู้ และระบาดได้รวดเร็วมาก
การป้องกันรักษา ใช้ฟอร์มาลีนเข้มข้นผสมกับมาลาไคท์กรีน แช่ติดต่อกัน 3-5
วัน จึงเปลี่ยนน้ำในตู้ปลา
2. โรคสนิม
ถ้าส่องกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเหมือนมีฟองสบู่อยู่มากกมายมักเกาะอยู่ตาม
บริเวณเหงือกและผิดหนัง ถ้ามีมากจะเหมือนกำมะหยี่สีเหลืองปนน้ำตาล
กระจายเป็นหย่อมๆ เป็นอันตรายมากกับลูกปลาขนาดเล็ก
ปัจจุบันพบมากในปลาตาแดงและปลาทรงเครื่อง
การป้องกันรักษา ควรใช้เกลือแกงเข้มข้น 1 % แช่ปลาไว้นาน 24 ชั่วโมง และทำช้ำทุก 2 วัน จนกว่าโรคจะหาย
3. โรคเห็บระฆัง
มักจะพบตามบริเวณลำตัว ครีบ และเหงือก โดยจะทำให้เกิดเป็นแผล มีเมือกมาก
ผิวหนังเกิดเป็นหวงขาวๆ เกล็ดหลุด ครีบขาดกร่อน เหงือกถูกทำลาย
มีอันตรายต่อปลามาก ถ้าเป็นปลาขนาดเล็ก อาจทำให้ปลาตายได้ในระยะเวลาสั้น
การป้องกันรักษา ใช้ฟอร์มาลีนเข้มข้น แช่นานตลอดไปจนกว่าปลาจะหาย
4. โรคที่เกิดจากปลิงตัวใส
มีขนาดเล็ก 2-3 มิลลิเมตร ส่วนหัวเป็นแฉก
ส่วนท้ายจะเป็นอวัยวะยึดเกาะมีหนามเล็กรอบๆ เมื่อเกาะที่ตัวปลาบริเวณใด
ผิวหนังของปลาบริเวณนั้นจะเกิดเป็นแผล ถ้าเกาะมากๆ เข้าก็อาจทำให้ปลาตายได้
โดยเฉพาะปลาขนาดเล็ก การป้องกันรักษา ใช้ฟอร์มาลีนเข้มข้น
แช่ไปตลอดจนกว่าปลิงตัวใสจะตายหมด
5. โรคที่เกิดจากหนอนสมอ หนอน
สมอมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกขนาด 1-4 มิลลิเมตร ส่วน
หัวคล้ายสมอทำหน้าที่ยึดเกาะตัวปลา
ทำให้บริเวณที่เกาะเกิดเป็นแผลที่อาการตกเลือด
เนื่องจากหนอนสมอมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงสามารถจับหนอนสมอออกได้
แต่ส่วนหัวจะขาดฝังอยู่ใต้ผิดหนังของปลา การป้องกันรักษา ใช้ Dipterex
เข้มข้น แช่นาน 24 ชั่วโมง เว้น 5-6 วัน ให้แช่น้ำยาดังกล่าวซ้ำอีก 3-4
ครั้ง
6. โรคที่เกิดจากเห็บปลา
เห็บปลามีขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลำตัวแบนกลม
ด้านหลังโค้งมนแบ่งเป็นปล้องเชื่อมติดต่อกัน ปากทำหน้าที่ดูดเกาะ
มักพบกับปลามีเกล็ด ไม่เกาะอยู่กับที่แต่จะเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
หรือออกจากปลาตัวหนึ่งไปเกาะปลาอีกตัวหนึ่ง การป้องกันรักษา ใช้ Dipterex
เข้มข้น แช่นาน 24 ชั่วโมง
7. โรคที่เกิดจากบัคเตรี
ปลาจะมีลักษณะตกเลือดบริเวณผิดหนังและอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต
หรือผิวหนังจะเป็นรอยด่างและเริ่มเป็นขุยยุ่ยเหงือกเน่า การป้องกันรักษา
ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ออกซิกาตราไซคลิน หรือคลอแรมพินิคัล ผสมลงในน้ำตู้ปลา
หรือใช้เกลือแกงผสมลงในน้ำก็ได้ โดยประมาณ
8. โรคที่เกิดจากไวรัส
ปลาจะเกิดเป็นตุ่มนูนของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทั้งบนลำตัวและครีบ
พบมากกับปลาน้ำกร่อย
โรคนี้ไม่ต้องรักษาก็สามารถหายเองได้ถ้าสภาพแวดล้อมภายในตู้ปลาดีขึ้น เช่น
เปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นประจำ หรือมีแสงเข้าถึงเป็นเวลา เป็นต้น
9. โรคเนื้องอกในปลา
พบมากในปลาทอง และปลาไน
ลักษณะอาการมักเห็นเป็นกลุ่มเซลล์เจริญขึ้นมาเป็นปุ่มปมขนาดใหญ่
ตามบริเวณลำตัวหรือเกิดภายในช่องท้อง ตุ่มนี้มักจะนิ่ม
สาเหตุการเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าสภาวะแวดล้อมที่เสื่อมโทรม
สารมลพิษจะไปกระตุ้นทำให้เชลล์เกิดการแบ่งตัวอย่างผิดปกติ
ยังไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผลเคยมีการทดลองตัดตุ่มที่เกิดขึ้นตามบริเวณผิดหนัง
ออก แต่ปรากฏว่าต่อมาก็จะเจริญขึ้นมาใหม่
และจำนวนปุ่มปมจะเพิ่มจำนวนขึ้นมากอย่างรวดเร็ว
การดูแลรักษาตู้ปลา
การเลี้ยงปลาตู้ เพื่อให้คงความสวยงามอยู่ตลอดไปนั้น
ควรจะต้องเอาใจใส่ดูแลรักษาอุปกรณ์พันธุ์ไม้น้ำและส่วนประกอบอื่น ๆ
ที่มีอยู่ภายในตู้ปลาเพื่อมิให้เกิดความสกปรก
หลักสำคัญในการดูแลรักษาที่ถูกต้อง มีดังนี้
ควรหมั่นตรวจเช็คดูรอยรั่วซึม บริเวณรอยต่อกระจกไม่ว่าจะเป็นตู้ปลาแบบเก่า
หรือแบบใหม่ เพราะมักพบว่ามีรอยรั่วซึมของน้ำอยู่เสมอ
สาเหตุเกิดจากชันหรือกาวซิลิโคนเสื่อมคุณภาพ
หรือบริเวณที่ติดตั้งตู้ปลาได้รับแสงแดดและความร้อนจัด
หรือเกิดจากการกระทบกระแทกกับวัตถุอื่น ๆ จึงควรระมัดระวัง
แต่ถ้าตู้ปลาเกิดการรั่วซึมต้องปล่อยน้ำทิ้งให้หมด
เช็ดทำความสะอาดแล้วผึ่งลมให้แห้งสนิท จากนั้นก็นำมาซ่อมแซมโดยการใช้ชัน
หรือกาวซิลิโคนทารอยรั่วให้เรียบร้อย ปล่อยทิ้งไว้นานพอประมาณ
จนมั่นใจว่าติดสนิทดีแล้วจึงใส่น้ำลงตู้ปลา สังเกตรอยรั่วซึมของน้ำอีกครั้ง
ถ้าไม่มีรอยรั่วซึมแล้วจึงเริ่มจัดตู้ปลาพร้อมปล่อยปลาลงได้
การดูแลรักษาเครื่องกรองน้ำ
เมื่อใช้เครื่องกรองน้ำไปได้ระยะหนึ่ง
ประสิทธิภาพการกรองสิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะลดลง
ไม่สามารถแยกสิ่งสกปรกภายในตู้ปลาได้ดีเท่าที่ควรอันเป็นเหตุให้สภาพของน้ำ
ไม่สะอาดพอ จึงจำเป็นต้องคอยดูแลรักษาความสะอาดของตู้ปลา ให้ดีอยู่เสมอ
ดังนี้
- ควรใช้สายยางดูดเอาสิ่งสกปรกต่าง ๆ ภายในตู้ปลาอยู่เสมอ
- ควรเลี้ยงปลาจำพวก catfish หรือปลาเทศบาล ช่วยเก็บเศษอาหารอีกด้านหนึ่ง
- ทำความสะอาดระบบกรองน้ำใต้ทราย เช่น แผ่นกรอง หลอดพ่นน้ำ และตรวจเช็คอุปกรณ์บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับแผ่นกรองน้ำอยู่เสมอ
การดูแลรักษาโลหะที่สัมผัสกับน้ำ
โลหะที่ติดมากับตู้ปลาทุกส่วนที่สัมผัสกับน้ำภายในตู้ปลานั้น
บางชนิดก่อให้เกิดอันตรายกับสิ่งมีชีวิต เช่น
โลหะจำพวกทองเหลืองชุบโครเมียม ตะกั่ว ดีบุก และเหล็ก
ถ้าจะให้ดีควรเลือกใช้โลหะประกอบตู้ปลาที่หุ้มพลาสติกจะปลอดภัยที่สุด
หากพื้นที่ตู้ปลาเป็นแผ่นเหล็ก ผู้จัดตู้ปลาควรใช้กระจกปูทับก่อนแล้วใช้ชัน
หรือกาวซิลิโคนอุดยาตามซอกมุมต่าง ๆ ให้แน่นมิให้น้ำรั่วซึมลงไปได้
จะช่วยให้ปลอดภัยแก่สิ่งมีชีวิตดียิ่งขึ้นและง่ายต่อการทำความสะอาด
การดูแลรักษาพันธุ์ไม้น้ำ
ที่จำเป็นต้องคำนึงถึง คือ
1. แสง
มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต
และเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะพันธุ์ไม้น้ำมาก
เพราะแสงเป็นตัวช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เมื่อแสงสว่างผ่านน้ำลงไป แสงจะเกิดการหักเห
พืชใต้น้ำจะได้รับแสงสว่างผิดจากความเป็นจริง พืชที่อยู่ในน้ำระดับต่าง ๆ
ก็จะได้รับปริมาณแสงสว่างที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้นการจัดตู้ปลา
จึงควรคำนึงถึงทิศทางและความต้องการแสงของพันธุ์ไม้แต่ละชนิดด้วย
2. อุณหภูมิภายในตู้ปลา จะมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ไม่มากนักและค่อนข้างคงที่ ดังนั้นพันธุ์ไม้น้ำจึงไม่ค่อยมีผลกระทบมากนัก
3. แก๊ส ปริมาณ
แก๊สที่สำคัญที่สุดกับพันธุ์ไม้น้ำ คือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (co2)
ซึ่งพืชทุกชนิดจำเป็นต้องใช้ในการสังเคราะห์แสง
ในขณะเดียวกันพันธุ์ไม้น้ำก็คายออกซิเจน (O2) ออกมา
ถ้าภายในตู้ปลามีทั้งพันธุ์ไม้น้ำ และสัตว์อยู่ด้วยกัน
อัตราการคายออกซิเจนของพันธุ์ไม้น้ำ
พอเหมาะกับอุตราการคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของสัตว์
สภาพแวดล้อมภายในตู้ปลาก็จะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่รวมกันได้อย่างสมดุล
4. ความหนาแน่น
หลังจากการตกแต่งพันธุ์ไม้น้ำเรียบร้อยแล้วเมื่อปลาได้รับอาหาร
และแสงสว่างที่พอเหมาะ ก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความหนาแน่น
ซึ่งสภาพอย่างนี้
อาจก่อให้เกิดการเสียความสมดุลระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกันจำเป็นที่จะต้องตัด
แต่ง หรือเคลือบย้ายพันธุ์ไม้น้ำที่เสียรูปทรง
หรือหนาแน่นเกินไปออกจากตู้ปลา นำไปเพาะเลี้ยงบำรุงดูแลในที่แห่งใหม่ต่อไป
การเปลี่ยนน้ำ
การเปลี่ยนน้ำมีความจำเป็น เพราะน้ำที่ใช้เลี้ยงปลาและพันธุ์ไม้น้ำ
แร่ธาตุบางชนิดจะถูกนำไปใช้ หรือแลกเปลี่ยนไปบ้าง
โดยปลาหรือพันธุ์ไม้น้ำหรือของเสียที่เกิดขึ้น ดังนั้น
จึงควรมีการตรวจเช็คเพื่อปรับสภาพน้ำตามสมควรทุก ๆ 1-2 เดือน
อาจเปลี่ยนน้ำเมื่อปรากฏว่า ในตู้ปลามีตะไคร่น้ำหรือน้ำขุ่น
ข้อควรระวัง
การเปลี่ยนน้ำจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
เกี่ยวกับค่าความด่างของน้ำในตู้ปลากับน้ำใหม่ที่เติมลงไป
ว่ามีความเป็นกรดเป็นด่าง อุณหภูมิ
และปริมาณสารบางตัวแตกต่างกันมากเกินไปหรือไม่
ถ้าเป็นน้ำประปาควรปรับความแตกต่างของสารคลอรีนให้ใกล้เคียงกันก่อนที่จะ
เติมลงในตู้ปลา และอีกประการหนึ่ง ที่เก็บน้ำถ้าปิดด้วยภาชนะนาน ๆ
ในกลางแจ้ง ออกซิเจนในน้ำอาจมีน้อยหรือไม่มีเลย
เมื่อนำไปเลี้ยงปลาโดยไม่มีพันธุ์ไม้น้ำตกแต่งอยู่ด้วยปลาที่เลี้ยงไว้อาจ
ตายได้
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น